1. มาตรฐานอุตสาหกรรมในแต่ละภูมิภาค

• แต่ละภูมิภาคมีมาตรฐานและข้อกำหนดที่แตกต่างกันในการจัดการและขนส่งสินค้า ขนาดมาตรฐานในภูมิภาคหนึ่งอาจไม่เหมาะสมกับความต้องการของอีกภูมิภาคหนึ่ง
• ตัวอย่างเช่น “Euro Pallet” ขนาด 1,200 x 800 มิลลิเมตร เป็นที่นิยมในยุโรป เนื่องจากพาเลทขนาดนี้ออกแบบมาให้เข้ากับระบบคลังสินค้าและขนส่งในภูมิภาคนั้น

2. ประเภทของสินค้าและความต้องการในการขนส่ง

• ประเภทของสินค้าที่ส่งออกในแต่ละภูมิภาคอาจแตกต่างกัน ซึ่งมีผลต่อการเลือกขนาดพาเลทที่เหมาะสมสำหรับการขนส่ง ตัวอย่างเช่น ในอเมริกาเหนือ พาเลทขนาด 48 x 40 นิ้ว (1,219 x 1,016 มิลลิเมตร) มักใช้สำหรับสินค้าหนัก เช่น สินค้าอุตสาหกรรมและผลิตภัณฑ์อาหาร
• ในทางกลับกัน ภูมิภาคเอเชียอาจใช้พาเลทขนาด 1,100 x 1,100 มิลลิเมตร เนื่องจากเหมาะกับสินค้าที่มีน้ำหนักปานกลางถึงหนักและการขนส่งในท้องถิ่น

3. ขนาดของคอนเทนเนอร์และยานพาหนะขนส่ง

• ขนาดพาเลทที่ใช้ส่งออกต้องพิจารณาถึงขนาดของคอนเทนเนอร์และยานพาหนะขนส่งที่ใช้ในแต่ละภูมิภาค พาเลทขนาดต่างกันสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พื้นที่และลดต้นทุนการขนส่ง
• ตัวอย่างเช่น คอนเทนเนอร์ขนส่งขนาดมาตรฐาน 20 และ 40 ฟุตมักใช้ในหลายภูมิภาค การเลือกขนาดพาเลทที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยในคอนเทนเนอร์เหล่านี้ได้สูงสุด

4. กฎระเบียบและข้อกำหนดท้องถิ่น

• บางภูมิภาคมีกฎระเบียบเฉพาะเกี่ยวกับขนาดพาเลทเพื่อลดการแพร่กระจายของศัตรูพืชหรือเพื่อควบคุมคุณภาพของพาเลทที่ใช้ในการขนส่ง เช่น การใช้พาเลทที่ผ่านการรับรอง ISPM 15 เพื่อการส่งออกไม้และสินค้าเกษตรไปยังประเทศที่มีข้อกำหนดเข้มงวด
• ข้อกำหนดเหล่านี้ทำให้ผู้ผลิตและผู้ส่งออกต้องเลือกใช้พาเลทที่ตรงตามข้อกำหนดของภูมิภาคที่ส่งออกสินค้า

5. ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม

• บางครั้ง ขนาดของพาเลทในภูมิภาคหนึ่งอาจสะท้อนถึงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของการค้าและการขนส่งในภูมิภาคนั้น เช่น ในยุโรป ขนาดของ Euro Pallet ถูกกำหนดขึ้นเพื่อให้เข้ากับขนาดของรถบรรทุกและคลังสินค้าที่ใช้กันแพร่หลายในภูมิภาคนั้นมาตั้งแต่อดีต

ความแตกต่างในขนาดของพาเลทเพื่องานส่งออกจึงเป็นผลจากความต้องการเฉพาะที่เกิดจากปัจจัยหลายประการที่รวมกัน ส่งผลให้แต่ละภูมิภาคมีขนาดพาเลทที่เหมาะสมกับความต้องการและมาตรฐานของตนเอง